About

Lady Society แหล่งรวบรวมสาระความรู้ สำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการหาคำตอบเรื่อง ความสวย ความงาม ให้กับตัวเอง สำหรับที่นี้คุณจะได้ทั้ง ความรู้ ความลับ เทคนิค
ทรงผม ฯลฯ วิธีการต่างๆที่นำไปใช้ได้จริง
ในชีวิตประจำวัน

การดูแลผิวพรรณให้ชุ่มชื้นสดใสจากภายใน




การดูแลผิวพรรณให้ชุ่มชื้นสดใสจากภายใน


                   ผิวของเราโดยทั่วไปสัมผัสกับอากาศเย็น ทั้งจากลมหนาวหรือจากเครื่องปรับอากาศ มักจะเกิดปัญหาผิวที่แห้งแตกไม่ชุ่มชื่น นอกจากการบำรุงผิวทุกวันด้วยโลชั่นซึ่งเป็นการดูแลจากภายนอกแล้ว การสร้างความชุ่มชื่นสดใสให้ผิวพรรณจากภายในก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง วิธีที่ดีที่สุดคือ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณนั่นเอง




                    ทำไมการรับประทานอาหารบางอย่างจึงช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่นสดใสดีขึ้น? นั่นก็เพราะสารอาหารบางอย่างที่จำเป็นต่อผิวสามารถส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของเซลล์ในผิวชั้นหนังแท้ที่มีเส้นเลือดลำเลียงสารอาหารมาหล่อเลี้ยง ซึ่งลำพังการบำรุงผิวจากภายนอกก็ไม่สามารถแทรกซึมผ่านชั้นหนังกำพร้าลงมาถึงชั้นหนังแท้ภายในได้

                    อาหารอะไรช่วยให้ผิวพรรณเราชุ่มชื่นจากภายในได้บ้าง

                    - รับประทานปลาที่มีไขมันสูงอย่างแซลมอน ให้กรดไขมันโอเมก้า 3 ทำให้ผนังเซลล์ผิวหนังแข็งแรง
                   - เลือกของว่างเป็นอัลมอนด์ เพราะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 โปรตีนที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์ ผิว และวิตามินอี ซึ่งเป็นสาร anti-oxidant ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และที่สำคัญอัลมอนด์อบแบบ Natural (ไม่ปรุงรสต่าง) ยังทำให้ไม่อ้วนด้วย
                   - กินผักให้หลากสี เช่น ฟักทองสีเหลือง แครอทสีส้ม ผักโขมสีเขียว พริกหวานสีแดง ล้วน อุดมด้วยแคโรทีนที่ดีต่อผิว
                   - ไขมันนั้นจำเป็น ส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ผิวหนังของเราชุ่มชื่นคือ ไขมัน เพราะฉะนั้น ไม่ควรเลี่ยงการใช้น้ำมันปรุงอาหาร โดยเลือกใช้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมัน มะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน ให้ไขมันจำเป็นแก่ผิว ทำให้เซลล์มีความยืดหยุ่น และช่วย ให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเอและอีได้ดีขึ้น
                   - ดื่มนมไขมันต่ำ โยเกิร์ต ชีส เพราะนมอุดมด้วยวิตามินเอที่จำเป็นต่อสุขภาพผิว แบคทีเรีย ในโยเกิร์ตที่ดีต่อลำไส้และผิว
                   - โฮลเกรนมีประโยชน์เสมอ มีซีลีเนียมช่วยควบคุมความเสียหายของเซลล์ผิว
                   - ไข่ มีโปรตีนช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายจากอนุมูลอิสระ และยังมีไบโอตินช่วยปกป้อง ผิวแห้งด้วย
                   - ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง อย่างส้ม มะนาว ฝรั่ง ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี และสร้างคอลลาเจนที่จำเป็นแก่ผิวพรรณ





                    นอกจากอาหารเหล่านี้แล้ว อย่าลืมค่ะว่าควรพักผ่อนด้วยการนอนหลับสนิทอย่างเพียงพอ ให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมง ออกกำลังกายครั้งละอย่างน้อย 30 นาทีให้ได้ 3 วันต่อสัปดาห์ ขับถ่ายเป็นประจำทุกวัน และดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 1-1.5 ลิตร หรือถ้าเลือกดื่มน้ำแร่ธรรมชาติเลยก็ยิ่งดีต่อผิวพรรณ เพราะมีแร่ธาตุต่างๆที่ นอกจากดื่มแล้ว น้ำแร่ยังนำมาฉีดเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้าในระหว่างวันได้อีกด้วย


                    เพื่อนๆอย่าลืมหันมาดูแลสุขภาพผิว และสุขภาพกาย ด้วยการหันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่างผักและผลไม้กันด้วยน่ะ   ^.^









ขอบคุณที่มาดีดี จาก :  http://women.thaiza.com 







คําศัพท์เครื่องสําอางค์ ที่คุณควรรู้!!



ควรรู้! คําศัพท์เครื่องสําอางค์


                 วันนี้พาคุณผู้หญิงทั้งหลายมาเรียนรู้คําศัพท์เครื่องสําอางค์เพื่อประโยนช์ครั้งหน้าในการเลือกซื้อเครื่อง สำอางค์ได้อย่างตามความต้้องการที่ถูกต้องของคุณ ๆ ค่ะ เพราะถ้าคุณรู้ คําศัพท์เครื่องสําอางค์ ก็จะทำให้คุณได้รับประโยชน์แก่ผิวของคุณได้อย่างเต็มที่เพื่อผิวสวยและนุ่มนวลค่ะ




คําศัพท์เครื่องสําอางค์


                 Anti-aging : เครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติต่อต้าน ลบเลือน หรือชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย พบมากในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกายที่เกิดริ้วรอยได้ง่าย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับริมฝีปากและรอบดวงตาด้วย นอกจากนี้ยังมีคำว่า Age-defense, Anti-wrinkle, Time Defiance ที่มีความหมายเดียวกัน 

                 Fragrance Free : คือปราศจากส่วนผสมที่เป็นน้ำหอม (สังเคราะห์จากสารเคมี) ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้ในผิวที่บอบบางแพ้ง่าย

                 Allergy Tested : หากมีคำนี้ก็แสดงว่าเครื่องสำอางชนิดนั้นได้ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่แพ้

                  Non-alcohol : ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งมักพบในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับคนผิวแห้ง แต่สำหรับคนผิวอื่น ๆ ก็ควรเลือกใช้เพราะเป็นสาเหตุให้น้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติจะถูกกำจัดออกไปทำให้ผิวมีความแห้งตึงและแพ้ได้

                 Against Animal Testing : มีความหมายว่า ไม่มีการทดสอบกับสัตว์ทดลอง (ซึ่งจะทำการทดสอบกับอาสาสมัครที่เป็นคนแทน) จึงเป็นการบ่งบอกถึงศีลธรรมจรรยาไม่เกี่ยวข้องกับสรรพคุณของเครื่องสำอางแต่อย่างใด

                  Firming/Lift : เป็นคุณสมบัติที่ช่วยยกกระชับผิวให้เต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่น แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น มักมีส่วนผสมของสารที่ทำให้ผิวเกิดการตึงตัวซึ่งจะอยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงจากนั้นก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ดังนั้นเครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติกระชับผิวที่ดีจะต้องมีส่วนผสมของสารบำรุงผิวเข้าไปด้วย เช่น คอลลาเจน หรือสารที่ช่วยกระตุ้นให้ผิวผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ผิวจึงจะดีขึ้นได้ในระยะยาว

                 Oil Control/Shine Control : เครื่องสำอางที่ผสมสารบำรุงผิว (มอยเจอร์ไรเซอร์) ที่ช่วยควบคุมไม่ให้เกิดความมัน แต่ถ้าเป็นคำว่า Oil Free จะไม่มีส่วนผสมของไขมันเลย เหมาะกับคนที่มีผิวมันมาก ๆ มักมีส่วนผสมของ Cetearyl alcohol, Isopropyl myristate, Myristic acid, Palmitic acid เป็นต้น

                 Anti-oxidant : มีส่วนผสมที่มีคุณสมบัติต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการที่ก่อให้ผิวเกิดริ้วรอยก่อนวัย สารต้านอนุมูลอิสระมีหลายชนิดด้วยกันส่วนใหญ่ได้จากการสกัดจากพืชพรรณธรรมชาติ 

                  Waterproof : คุณสมบัติที่สามารถกันน้ำได้หรือไม่ละลายน้ำ ซึ่งไม่ทำให้ตัวแป้งละลายหายไปกับเหงื่อติดทนนาน แต่ก็จะล้างออกยากเช่นกัน อาจต้องใช้ครีม (คลีนเซอร์) เช็ด

                 Aromatherapy : ถ้าเป็นเครื่องสำอางที่ดีจะต้องเป็น Aromatherapy ที่มาจาก Essential Oil - น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ที่สกัดจากธรรมชาติจริง ๆ จึงจะได้ผลในการบำบัดด้วย
                 
                 White/Whitening : Whitening ที่ดีนั้นต้องค่อย ๆ ทำให้ขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติไม่ระเคืองต่อผิวและเชื่อถือได้ว่าไม่ผสมสารเคมีอันตรายบางตัวที่ทำให้ผิวขาวขึ้นได้เช่นกัน

                 UV Filter : สามารถป้องกันรังสีอัลต้าไวโอเล็ตจากแสงแดดได้โดยจะมีส่วนผสมของสารกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป ซึ่งครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพดีควรมีส่วนผสมของ Titanium dioxide และ Zinc dioxide เพราะมีอานุภาพในการสะท้องรังสี UV กลับสูง แต่ข้อเสียคือจะค่อนข้างทำให้หน้ามันเยิ้มและเป็นคราบเมื่อเหงื่อออกมาก ๆ

                 Hydrating Cream : คือครีมที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวโดยไม่ทิ้งความมันบนใบหน้า เหมาะกับผิวธรรมดาถึงผิวมัน




สารเคมีที่มักพบในเครื่องสำอาง

                 สารเคมีทั่วไป

                 Lanolin : ลาโนลิน สารสกัดที่ได้จากธรรมชาติให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวป้องกันการแห้งตึง แต่การวิจัยบางชิ้นพบว่าอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและเป็นสาเหตุหนึ่งของการอุดตันและการก่อตัวของสิว
                 
                 Mineral Oil : มิเนอรัลออยล์ เป็นผลผลิตที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมใช้เป็นสารทำความหล่อลื่นในเครื่องสำอาง พบได้ในโลชั่น มอยเจอร์ไรเซอร์ ครีมล้างหน้า อายครีม ฯลฯ ซึ่งมีโมเลกุลค่อนข้างใหญ่ จึงไม่สามารถซึมลงไปใต้ผิวหนังอย่างที่เคยคิดกันแม้จะไม่ก่อให้เกิดโทษร้ายแรงแต่ก็ไม่มีประโยชน์ต่อผิว

                 Glycerin : กลีเซอรีน เป็นสารที่เกิดจากการเติมด่างลงไปในไขมันใช้มากในการทำสบู่และเครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว รวมถึงน้ำยาบ้วนปากและยาสีฟันโดยได้รับการรับรองว่าปลอดภัยไม่ทำให้ระคายเคือง

                 Propylene Glycol : โพรไพลีน ไกลคอล นิยมใช้กันมากในเครื่องสำอางดูแลผิวที่ต้องการคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื้น และซึมผ่านเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ดีปลอดภัยต่อผิว

                  Dimethicone : ไดเมธิโคน คือน้ำมันซิลิโคนชนิดหนึ่งใช้เป็นเบสของผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นครีมต่าง ๆ ไม่เป็นอันตรายต่อผิว

                  Polysorbate : โพลีซอร์เบต มักพบในเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย เพราะเป็นสื่อผสมให้น้ำสามารถเข้ากับน้ำมันหอมระเหยได้ค่อนข้างปลอดภัยต่อคน

                  Cocamidopropyl Betaine : โคคามิโดโพรพิล บีเทน เป็นสารที่ได้จากน้ำมันมะพร้าวมักใช้ผสมในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่าง ๆ เช่น สบู่ แชมพู คอนดิชั่นเนอร์ หรือโฟมล้างหน้า ช่วยในการลดแรงตึงผิวของน้ำและทำให้เกิดฟอง แต่หากใช้ในปริมาณมากเกินไปอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้

                  Butylene Glycol : บิวไทลีน ไกลคอล เป็นสารที่ทำหน้าที่เก็บกักความชุ่มชื้นรักษากลิ่นและความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์ให้คงรูป มักเป็นส่วนผสมของโลชั่นต่าง ๆ ไม่เป็นอันตรายต่อผิว

                 Phenoxyethanol : ฟีน็อกซ์ซีธานอล พบได้ในเครื่องสำอางที่มีน้ำหอมผสมอยู่เพราะมีคุณสมบัติทำให้น้ำหอมคงตัว ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้แต่ต้องไม่ใช้ในปริมาณที่เข้มข้นไม่เช่นนั้นอาจเกิดอาการแพ้ได้

                 Sodium Chloride : โซเดียมคลอไรด์ หรือเกลือทะเลไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด แต่หากใช้ในปริมาณที่เข้มข้นเกินไปก็ทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้พบในน้ำยาบ้วนปาก สบู่ อายครีม เกลืออาบน้ำ เป็นต้น

                 Stearic Acid : กรดสเตียริก เป็นสารที่เกิดไขมันและน้ำมันจากสัตว์จึงค่อนข้างปลอดภัย มักใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย โลชั่น ครีมรองพื้น และสบู่ มีคุณสมบัติช่วยสร้างความนุ่มนวล ลื่น เป็นประกายแวววาว





                 สารเคมีที่ควรระวัง

                  Hydroquinone : ไฮโดรควิโนน สารนี้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางทาฝ้าหาใช้ในระยะยาวจะก่อให้เกิดผลเสียต่อผิวอย่างมาก เช่น แพ้ ระคายเคือง และทำให้ผิวหน้าดำคล้ำกลายเป็นผ้าถาวร

                 Sodium Laureth Sulfate : โซเดียมลอริธซัลเฟต พบได้ในโฟมล้างหน้า ยาสีฟัน และในแชมพูมากที่สุด(ประมาณ 90 % ของแชมพูท้องตลาด) อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางคน ดังนั้นหากมีผิวบอบบางแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยง

                  Formaldehyde : ฟอร์มาลดีไฮด์ ช่วยฆ่าเชื้อโรคและเชื้อราต่าง ๆ พบมากในยาทาเล็บ สบู่ และแชมพู หากสูดดมมาก ๆ อาจเป็นอันตรายต่อระบบหายใจได้ 

                 S. D. Alcohol : เอส. ดี. แอลกอฮอล์ ใช้ในเครื่องสำอางประเภทรักษาความมันและสิวอุดตัน โดยจะเป็นตัวนำน้ำมันและสิ่งสกปรกออกไปรวมทั้งน้ำหล่อเลี้ยงบนชั้นผิวด้วย จึงทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและแห้งตึงได้

                  Sodium Hydroxide : โซเดียมไฮดรอกไซด์ ใช้เป็นส่วนประกอบหลักใน สบู่ แชมพู น้ำยายืดผม ซึ่งเป็นสารที่มีความเป็นด่างสูง จึงอาจทำให้ผิวหรือหนังศีรษะแห้งลอกหรือเกิดการอักเสบได้

                 Talc/Talcum : แป้งทัลส์หรือทัลคัมที่พบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่น แป้งอัดแข็ง บลัชออน อายแชโดว์ หรือสเปรย์ระงับกลิ่นกาย ให้ความรู้สึกลื่น นุ่มนวล แต่ไม่ควรใช้กับส่วนเล้นลับเพราะมีการวิจัยพบว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมดลูกได้มากกว่าปรกติถึง 3 เท่า

                  Steroid : สเตียรอยด์ สารอันตรายที่ก่อให้เกิดความผิดปรกติของผิวหนังได้ เนื่องจากสเตียรอยด์เป็นสารอันตรายผู้ผลิตจึงมักไม่ระบุชื่อลงไปในฉลาก ดังนั้นจึงควรเลือกเครื่องสำอางที่น่าเชื่อถือมีเลขทะเบียนอนุญาตจำหน่ายหรือตราที่รับรองว่าผ่านการตรวจสอบแล้ว



เคล็ดลับการเลือกและการเก็บรักษา


- ส่วนผสมปลอดภัย
- บรรจุภัณฑ์ดูดี
- แหล่งที่มาน่าเชื่อถือ
- รายละเอียดสินค้าชัดเจน
- มีอย. รับรอง
- ทดสอบว่าไม่แพ้

                 สำหรับการเก็บรักษาเครื่องสำอางให้สามารถใช้งานได้นานที่สุดและไม่เสื่อมสภาพไปก่อนอายุไขอันควรคือ ประมาณ 2 ปี นับจากวันที่ผลิต สิ่งสำคัญอยู่ที่การรักษาความสะอาดและอุณหภูมิอันเหมาะสมไม่ควรเก็บในห้องที่อากาศร้อนอบอ้าว ควรเก็บไว้ในที่ที่แดดส่องไม่ถึงบางคนชอบนำไปเก็บในตู้เย็น (ชั้นที่ไม่เย็นจัดนัก) ซึ่งก็ช่วยรักษาสภาพของเครื่องสำอางไว้ได้นาน

                 ไม่ควรนำมือเข้าไปควักหรือป้ายเครื่องสำอางออกมาจากขวดควรเทหรือใช้ช้อนสำหรับตักเล็ก ๆ ตักเครื่องสำอางออกมา หลังใช้ทุกครั้งควรปิดฝาให้สนิทเพื่อป้องกันการระเหยของส่วนผสมที่เป็นน้ำในเครื่องสำอาง และการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุทำให้เครื่องสำอางบูดเสียได้ หากเครื่องสำอางมีกลิ่นหรือสีเปลี่ยนไปส่วนผสมแยกตัวออกจากกันเกิดฟองขึ้นหรือจับตัวเป็นก้อนแข็ง ฯลฯ แสดงว่าเสียใช้ไม่ได้แล้ว  








ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก : Health&Cuisine






ทรง Twisted Side Ponytail



                 วันนี้ Lady Society ขอนำเสนอทรงผม  Twisted Side Ponytail โดยทรงนี้จะทำค่อนข้างยากนิดนึงในช่วงแรก ที่ต้องเปียผมโดยเลือก ซ้าย หรือ ขวา ตามที่เราถนัดได้เลยค่ะ ลองมาดูขั้นตอนตามวีดีโอ พร้อมๆกันเลย







                 เป็นทรงผมง่ายๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้กับทุกสถานการณ์ ทั้งกับที่ ทำงาน วันว่างๆที่ไปเดินเล่น ช็อปปิ้ง หวังว่าเพื่อนๆหลายคน คงถูกใจใช่ไหมค่ะ ^^







ขอบคุณที่มาดีดีจาก :  by youtube.com






 
Lady Society © 2012 | Designed by Rumah Dijual, in collaboration with Buy Dofollow Links! =) , Lastminutes and Ambien Side Effects